ผมเป็นเด็กค่อนข้างเกเร และดื้อ เคยถูกแม่ตบเลือดอาบคาโอ่งน้ำ เพราะเอามีดไล่แทงพี่ชาย แต่ผมชอบวาดรูปมากตั้งแต่จำความได้ ไม่สนใจเรื่องอื่นใดนอกจากเล่นสนุกเอามันส์ไว้ก่อน กับเขียนรูป เรียนหนังสือห่วยแตก ตก ป.3
พอโตหน่อย ตก ป.6 เพราะไม่ชอบเรียนวิชาอื่น สมุดเรียนมีแต่รูปวาดทั้งเล่ม อายุ 8 ขวบพ่อแม่ผมย้ายไปอยู่ในตัวเมืองเชียงราย ผมเข้าเรียนโรงเรียนดรุณศึกษา ผมดีใจมาก เพราะจะได้ไปดูเขาเขียนรูปที่โรงหนัง ผมไปทุกวัน
หลังเลิกเรียน ช่วยล้างพู่กัน ซื้อโอเลี้ยง จนได้วาดรูปตัวประกอบ เลยตั้งเป้าที่จะเรียนเพาะช่างและมหาวิทยาลัยศิลปากรให้ได้ ซึ่งสามารถเข้าเรียนได้ และเรียนได้อย่างดีเยี่ยม จนได้รับรางวัลเหรียญทอง จากการประกวดงานระดับชาติ ในสมัยที่ยังเรียนอยู่ชั้นปีที 4
หลังจากสำเร็จการศึกษาภาคศิลปไทยเป็นรุ่นแรก ก็ตั้งเป้าชีวิตว่าจะเป็นศิลปินสร้างงานศิลปะไปจนตาย โดยเริ่มชีวิตจากห้องเช่าเล็กๆ แต่เก็บเงินซื้อบ้านได้ภายใน 3 ปี
มีอยู่ครั้งนึงที่ได้รับทุนเดินทางไปดูงานต่างประเทศ (2524 – 2526) ทุนของสถาบันและองค์กรต่างๆ หลายครั้ง เมื่อครั้งที่ผมไปประเทศอังกฤษ ได้เห็นโบสถ์ที่วัดไทย วัดพุทธปทีป ในกรุงลอนดอน ซึ่งสร้างโดยรัฐบาลนายกฯ
เกียงศักดิ์ ก็รู้สึกมีความศรัทธา ผมจึงเสนอตัวเพื่อขอเขียนรูปถวายเป็นพุทธบูชา โดยไม่คิดค่าจ้างร่วมกับเพื่อนรุ่นน้องชื่อปัญญา วิจินธนสาร โดยใช้ชีวิตกว่า 4 ปีอยู่ที่นั่นท่ามกลางความยากลำบากต่างๆ นาๆ มีปัญหาสารพัด ผู้คนทะเลาะกัน พระไม่ลงรอยกับกรรมการ ไม่มีเงิน ไม่มีแรง
หลังจากอธิษฐานจากหลวงพ่อดำที่อยู่ที่นั่น ว่าเหนื่อยเหลือเกินแล้ว ท้อที่สุด แต่อยากทำให้เสร็จ ขอแลกด้วยชีวิตก็ยอม ปาฏิหารมีจริง อาจารย์ได้พบกับพลเอกเปรมที่มาเยี่ยมที่ลอนดอนพอดี การทำงานนั้นได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจาก พลเอกเปรม จนสำเร็จ แต่รู้สึกว่าหลวงพ่อดำจะประธานให้แต่โชค และไม่ต้องการชีวิตของอาจารย์ตอบแทน
กลับมาเริ่มต้นชีวิตที่เมืองไทย ด้วยเงินติดกระเป๋าเพียง 4000 บาท แต่ด้วยฝีมือการวาดภาพที่เข้าขั้นอัจฉริยะ สามารถทำเงินได้มหาศาลภายในเวลาอันสั้น ช่วงนี้เป็นช่วงที่อาจารย์เฉลิมชัยบอกว่าเกลียดตัวเองที่สุด เพราะเต็ม
ไปด้วยกิเลส ลุ่มหลง กามารมณ์ แต่หลังจากติดบ่วงทางโลกได้ 2-3 ปี อาจารย์เฉลิมชัย ก็เริ่มหันเข้าสู่ธรรมะ บวชและออกธุดงค์อยู่ตามป่าช้า และหลังจากสึกออกมาก็ไม่เคยทำความเลวใดอีกเลย
อาจารย์เฉลิมชัย ได้มีโอกาสถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยร่วมในทีมวาดรูปประกอบหนังสือพระมหาชนก เลยมีความประทับใจ และรู้สึกว่าชีวิตนี้พร้อมจะถวาย เพื่อสร้างงานซักชิ้นไว้คู่พระบารมี
เมื่อครั้งกลับวัดร่องขุ่น ที่คนรุ่นพ่อร่วมกันสร้าง ที่ตอนนั้นมีสภาพทรุดโทรมเป็นที่สุด ก็เลยมีแรงดลใจว่าอยากสร้างวัดร่องขุ่น ด้วยศิลปะสมัยใหม่ เหมาะกับประเทศไทยภายใต้ร่มโพธิสมภารของในหลวง รัชกาลที่ 9 จึงลงมือ
ก่อสร้างตั้งแต่ 2540 โดยอุทิศทั้งชีวิตให้กับการสร้างงานชิ้นสุดท้ายของชีวิตชิ้นนี้
อาจารย์เฉลิมชัย ได้รับรางวัลและปริญญากิตติมศักดิ์มากมาย แต่ตนเองคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะการให้อันบริสุทธิ์ย่อมนำมา ซึ่งการรับอันมากมายไปจนตายและหลังความตายอย่างแน่นอน